ปรากฏการณ์ Super Moon
ปราก ฎการณ์ Super Moon คือปรากฎการณ์ที่ดวงจันทร์โคจรเข้าใกล้โลกมากที่สุด และอาจเกิดผลกระทบต่อโลกได้ โดยมีนักวิทยาศาสตร์ที่ศึกษา ในเรื่องการโคจรของดวงจันทร์ ระบุว่าในวันที่ 19 มีนาคม 2011 นี้ จะเกิดเหตุการณ์ดวงจันทร์โคจรเข้าใกล้โลก หรือที่เรียกว่า “lunar perigee” โดยมีระยะห่างเพียง 221,567 ไมล์ ซึ่งทางองค์การนาซ่า ได้แจ้งว่าระยะทางห่างโดยปกติของดวงจันทร์กับโลกจะอยู่ที่ประมาณ 356,577 กิโลเมตร และเนื่องจากดวงจันทร์มีระยะห่างจากโลกไม่เท่ากันในแต่ละคืน เพราะไม่ได้โคจรรอบโลกเป็นวงกลม ทำให้แต่ละเดือน จะมีช่วงที่ดวงจันทร์โคจรเข้าใกล้โลกมากที่สุด หรือที่เรียกว่า Perigee ซึ่งโดยปกติแล้วจะอยู่ใกล้โลกมากที่สุดในระยะห่างประมาณ 363,104 กิโลเมตร และช่วงที่ดวงจันทร์โคจรห่างโลกมากที่สุด หรือ Apogee อยู่ที่ระยะห่างประมาณ 405,696 กิโลเมตร แต่ช่วงเวลาที่มันโคจรเข้าใกล้โลกมากที่สุด และยังเป็นดวงจันทร์เต็มดวงด้วย จะมีให้เห็น 2-3 ปีต่อ 1 ครั้งเท่านั้น แต่ในปีนี้ ดวงจันทร์จะอยู่ในจุดที่ใกล้กว่าทุกๆครั้ง ในรอบ 19 ปีที่ผ่านมา
ดัง นั้น ซูเปอร์มูนที่กำลังจะเกิดขึ้นในคืนวันที่ 19 มีนาคมนี้ จึงเป็นปรากฎการณ์ที่น่าจับตาดูมากเลยทีเดียว เพราะเราคงได้เห็นดวงจันทร์แบบใกล้ๆว่าสวยงามเพียงใด
ปราก ฎการณ์ Super Moon คือปรากฎการณ์ที่ดวงจันทร์โคจรเข้าใกล้โลกมากที่สุด และอาจเกิดผลกระทบต่อโลกได้ โดยมีนักวิทยาศาสตร์ที่ศึกษา ในเรื่องการโคจรของดวงจันทร์ ระบุว่าในวันที่ 19 มีนาคม 2011 นี้ จะเกิดเหตุการณ์ดวงจันทร์โคจรเข้าใกล้โลก หรือที่เรียกว่า “lunar perigee” โดยมีระยะห่างเพียง 221,567 ไมล์ ซึ่งทางองค์การนาซ่า ได้แจ้งว่าระยะทางห่างโดยปกติของดวงจันทร์กับโลกจะอยู่ที่ประมาณ 356,577 กิโลเมตร และเนื่องจากดวงจันทร์มีระยะห่างจากโลกไม่เท่ากันในแต่ละคืน เพราะไม่ได้โคจรรอบโลกเป็นวงกลม ทำให้แต่ละเดือน จะมีช่วงที่ดวงจันทร์โคจรเข้าใกล้โลกมากที่สุด หรือที่เรียกว่า Perigee ซึ่งโดยปกติแล้วจะอยู่ใกล้โลกมากที่สุดในระยะห่างประมาณ 363,104 กิโลเมตร และช่วงที่ดวงจันทร์โคจรห่างโลกมากที่สุด หรือ Apogee อยู่ที่ระยะห่างประมาณ 405,696 กิโลเมตร แต่ช่วงเวลาที่มันโคจรเข้าใกล้โลกมากที่สุด และยังเป็นดวงจันทร์เต็มดวงด้วย จะมีให้เห็น 2-3 ปีต่อ 1 ครั้งเท่านั้น แต่ในปีนี้ ดวงจันทร์จะอยู่ในจุดที่ใกล้กว่าทุกๆครั้ง ในรอบ 19 ปีที่ผ่านมา
ดัง นั้น ซูเปอร์มูนที่กำลังจะเกิดขึ้นในคืนวันที่ 19 มีนาคมนี้ จึงเป็นปรากฎการณ์ที่น่าจับตาดูมากเลยทีเดียว เพราะเราคงได้เห็นดวงจันทร์แบบใกล้ๆว่าสวยงามเพียงใด
ทั้งนี้โดยเชื่อกัน ว่าเมื่อดวงจันทร์โคจรเข้าใกล้โลกในระยะที่ใกล้ผิดปกติ แรงดึงดูดของดวงจันทร์ อาจจะส่งผลให้เกิดความหายนะบางอย่างขึ้นบนโลกได้ และอาจจะเกิดผลกระทบกับโลกในด้านภัยพิบัติต่างๆ เช่น การเกิดแผ่นดินไหว และการปะทุของภูเขาไฟ ซึ่งมีผลต่อระดับน้ำในทะเลที่อาจจะก่อให้เกิดคลื่นสึนามิได้ เนื่องจากชั้นบรรยากาศของโลกได้เกิดการเปลี่ยนแปลงไป โดยเรียกปรากฏการณ์นี้ว่า ซุปเปอร์มูน (super moon) ซึ่งการเกิดปรากฎการณ์ Super Moon นี้ จะเกิดขึ้นในวันที่ 19-20 มีนาคม 2554 ซึ่งเป็นวันที่พระจันทร์เต็มดวงพอดี โดยที่เราจะมองเห็นพระจันทร์ดวงใหญ่ขึ้นกว่าเดิมถึง 14% และจะสว่างกว่าคืนพระจันทร์เต็มดวงปกติถึง 30%
นอกจากนี้ ดวงจันทร์ยังอาจส่งผลให้โลกเกิดน้ำขึ้นน้ำลงมากกว่าปกติก็เป็นได้ ซึ่งโดยปกติดวงจันทร์ก็มีอิทธิพลต่อน้ำขึ้นน้ำลงอยู่แล้ว แต่จากเหตุการณ์ Super Moon นี้อาจมีผลมากกว่าที่เคยเป็นก็ได้ กล่าวคือ ระยะเวลาที่น้ำขึ้นก็ขึ้นสูงมาก ขณะที่เมื่อน้ำลง น้ำก็จะลดลงมากกว่าปกติเช่นกัน แต่อย่างไรก็ดี นายเดวิด ฮาร์แลนด์ นักประวัติศาสตร์อวกาศ ได้ออกมาเปิดเผยว่า ดวงจันทร์คงไม่ได้มีอิทธิพลถึงขั้นที่จะทำให้โลกเกิดภัยพิบัติได้ขนาดนั้น มันอาจจะส่งผลกระทบเพียงแค่ทำให้เกิดน้ำขึ้นน้ำลงมากกว่าที่เคยเป็นเท่านั้น จะไม่มีเหตุการณ์แผ่นดินไหวหรือภูเขาไฟระเบิดแต่อย่างใด แต่หากเกิดภัยพิบัติใดๆ เกิดขึ้นในช่วงเวลานั้น ก็คงเป็นความบังเอิญที่เกิดขึ้นในช่วงเวลาที่เกิดซูเปอร์มูนเท่านั้น ไม่ได้มาจากอิทธิพลของดวงจันทร์อย่างแน่นอน
โดยก่อนหน้านี้ ปรากฏการณ์ Super Moon ได้เคยเกิดขึ้นมาแล้วหลายครั้งในอดีต โดยเกิดในปี 1955, 1974, 1992, และ 2005 และทุกครั้งที่มันเกิด จะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงของสภาวะอากาศบนโลก เช่น การเกิดสึนามิ ที่คร่าชีวิตผู้คนไปถึงหลายแสนคนในประเทศอินโดนีเซีย รวมทั้งประเทศไทย เพียงสองสัปดาห์ก่อนเกิดซุปเปอร์มูนในเดือน มกราคมปี 2005 และในปีดังกล่าวก็มีภัยพิบัติ และสภาพอากาศที่เลวร้ายเกิดขึ้นบนโลกในช่วงที่เกิดปรากฎการณ์ซูเปอร์มูนพอดี
และจากรายงานภัยพิบัติระบุว่า
ในปี ค.ศ.1938 พายุเฮอริเคนได้เกิดขึ้นพร้อมๆกับซูเปอร์มูน
ในปี ค.ศ.1955 ได้เกิดน้ำท่วมในฮันเตอร์วัลเลย์ ในออสเตรเลียในช่วงซูเปอร์มูนเช่นกัน
และในปี ค.ศ.1974 ซูเปอร์มูนก็เกิดขึ้นในเวลาไล่เลี่ยกับพายุไซโคลนเทรซี่ ที่สร้างความเสียหายมหาศาลในเมืองดาร์วิน ออสเตรเลีย
ส่วน ในปี ค.ศ.2005 ก่อนที่จะเกิดปรากฎการณ์ซูเปอร์มูนเพียงไม่กี่วันก็มีเหตุการณ์สึนามิเกิด ขึ้นในอินโดนีเซียคร่าชีวิตผู้คนหลายหมื่นคนไปในช่วงเวลานั้น ซึ่งข้อมูลดังกล่าว ทำให้หลายคนเชื่อว่า มีความเป็นไปได้ที่การเกิดซูเปอร์มูนนี้จะมาพร้อมกับภัยพิบัติบางอย่างเช่น กัน
เคน ริง นักโหราศาสตร์เจ้าของฉายา "มูนแมน" ที่พยากรณ์อากาศและการเกิดภัยพิบัติต่างๆบนโลกด้วยดวงจันทร์ ได้ออกมาเตือนว่า ในช่วงค่ำคืนซูเปอร์มูนที่จะถึงนี้ อาจเกิดแผ่นดินไหวในเมืองไครซท์เชิร์ช นิวซีแลนด์ขึ้นอีกครั้ง และอาจมีความรุนแรงมากกว่าเดิม โดย เคน ริง ได้ออกมาเปิดเผยคำทำนายดังกล่าว หลังจากที่เขาเคยโพสต์ข้อความผ่านทวิตเตอร์ในวันที่ 14 กุมภาพันธ์ เพื่อเตือนว่า มีความเป็นไปได้สูงว่าแผ่นดินไหวครั้งใหญ่ จะเกิดขึ้นในไครซท์เชิร์ช ระหว่างวันที่ 15-25 กุมภาพันธ์ โดยเฉพาะวันที่ 18 ในเมืองไครซท์เชิร์ช หรืออาจคลาดเคลื่อนได้ประมาณ 3 วัน ซึ่งหลังจากเผยแพร่คำทำนายได้เพียง 1 สัปดาห์ เหตุการณ์แผ่นดินไหวก็ได้เกิดขึ้นจริงในเมืองไครซท์เชิร์ช ตามคำทำนายของเขา โดยเกิดขึ้นในวันที่ 22 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา
อย่างไรไม่ว่าจะเกิด อะไร หรือจะมีภัยพิบัติเกิดขึ้นจริงหรือไม่ เราก็ต้องรอดูกันต่อไป แต่ถ้าจะเกิดเหตุการณ์อะไร ก็ขอให้ทุกคนมีสติ อย่าตื่นตระหนกเกินไป
ขอบคุณข้อมูลอ้างอิงจาก kapook.com
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น