วันอังคารที่ 19 เมษายน พ.ศ. 2554

สสาร

สมบัติของสาร  หมายถึง  ลักษณะเฉพาะตัวของสาร เช่น เนื้อสาร สี กลิ่น รส การนำไฟฟ้า  การละลายน้ำ จุดเดือด จุดหลอมเหลว  ความเป็นกรด – เบส เป็นต้น
   นักวิทยาศาสตร์แบ่งสมบัติของสารออกเป็น 2 ประเภท คือ
           1.สมบัติทางกายภาพ หรือสมบัติทางฟิสิกส์ ( physical  properties )  หมายถึง สมบัติของสารที่สามารถสังเกตได้จากลักษณะภายนอก  หรือจากการทดลองที่ไม่เกี่ยวข้องกับปฏิกิริยาเคมี เข่น สถานะ  เนื้อสาร  สี  กลิ่น  รส  ความหนาแน่น  จุดเดือด  จุดหลอมเหลว  การนำไฟฟ้า  การละลายน้ำ  ความแข็ง  ความเหนียว  เป็นต้น
           2.สมบัติทางเคมี ( chemical  properties )  หมายถึง  สมบัติที่เกี่ยวข้องกับการเกิดปฏิกิริยาเคมีและองค์ประกอบทางเคมีของสาร เช่น  การติดไฟ  การผุกร่อน  การทำปฏิกิริยากับน้ำ  การทำปฏิกิริยากับกรด – เบส  เป็นต้น
สมบัติของสาร  หมายถึง  ลักษณะเฉพาะตัวของสาร เช่น เนื้อสาร สี กลิ่น รส การนำไฟฟ้า  การละลายน้ำ จุดเดือด จุดหลอมเหลว  ความเป็นกรด เบส เป็นต้น
  นักวิทยาศาสตร์แบ่งสมบัติของสารออกเป็น 2 ประเภท คือ
           1.สมบัติทางกายภาพ หรือสมบัติทางฟิสิกส์ ( physical  properties )  หมายถึง สมบัติของสารที่สามารถสังเกตได้จากลักษณะภายนอก  หรือจากการทดลองที่ไม่เกี่ยวข้องกับปฏิกิริยาเคมี เข่น สถานะ  เนื้อสาร  สี  กลิ่น  รส  ความหนาแน่น  จุดเดือด  จุดหลอมเหลว  การนำไฟฟ้า  การละลายน้ำ  ความแข็ง  ความเหนียว  เป็นต้น
           2.สมบัติทางเคมี ( chemical  properties )  หมายถึง  สมบัติที่เกี่ยวข้องกับการเกิดปฏิกิริยาเคมีและองค์ประกอบทางเคมีของสาร เช่น  การติดไฟ  การผุกร่อน  การทำปฏิกิริยากับน้ำ  การทำปฏิกิริยากับกรด เบส  เป็นต้น
·         อนุภาคของสา             
·         ในปี พ.. 2348 ( .. 1805 ) จอห์น  ดาลตัน นักวิทยาศาสตร์ชาวอังกฤษได้เสนอแนวคิดว่า อนุภาค ที่เล็กที่สุดของสารซึ่งไม่สามารถแบ่งย่อยให้เล็กลงได้อีก  เรียกว่า  อะตอม    และต่อมานักวิทยาศาสตร์ได้ศึกษาค้นคว้าเกี่ยวกับอะตอมและอนุภาคของสารมากขึ้นทำให้ทราบว่าอนุภาคของสารที่สำคัญมี  3  ชนิด  คือ
·         อะตอม ( atom ) เป็นอนุภาคของสารที่เล็กที่สุดที่อยู่ตามลำพังได้ยาก  ดังนั้นอะตอมมักจะอยู่รวมกันเป็นอนุภาคที่ใหญ่ขึ้น  เรียกว่า  โมเลกุล   เช่น อะตอมของออกซิเจน ( O ) จะรวมกันเป็นโมเลกุลของแก๊สออกซิเจน ( O2 ) , อะตอมของไฮโดรเจน( H ) รวมกับอะตอมของออกซิเจน ( O )  เป็นโมเลกุลของน้ำ ( H O2 )  เป็นต้น  หรืออะตอมอาจรวมกันเป็นโครงสร้างขนาดใหญ่เรียกว่า โครงผลึกหรือผลึก   เช่น คาร์บอน ( C ) จะอยู่รวมกันในธรรมชาติเป็นโครงผลึกขนาดใหญ่และมีความแข็งแรงมากในรูปของเพชรหรือแกรไฟต์
·            การศึกษาเกี่ยวกับอะตอมของธาตุนิยมใช้สัญลักษณ์แทนการเรียนชื่อธาตุโดยใช้อักษรตัวแรกและตัวอักษรถัดไปในภาษาอังกฤษหรือภาษาละติน แต่การอ่านชื่อธาตุอ่านเป็นภาษาอังกฤษเสมอ เช่น  ธาตุไฮโดรเจน ชื่อภาษาอังกฤษ  hydrogen สัญลักษณ์  H  เป็นต้น
·         โมเลกุล ( molecule )  หมายถึงอนุภาคที่เล็กที่สุดของสารที่สามารถอยู่ในธรรมชาติได้อย่างอิสระ  โมเลกุลเกิดจากอะตอมตั้งแต่ 2 อะตอมขึ้นไปมารวมกันในทางเคมี และเขียนแทนโมเลกุลด้วยสัญลักษณ์ของอะตอมที่มารวมกันนี้ว่า  สูตรเคมี เช่น  โมเลกุลของน้ำ  สูตรโมเลกุล คือ H O2
·         3. ไอออน ( ion ) หมายถึงอะตอมหรือกลุ่มของอะตอมที่มีประจุไฟฟ้า  มี 2  ชนิด  คือ  ไอออนบวก และไอออนลบ  เช่น H -  (ไฮโดรเจนไอออน ) ,  Na+  ( โซเดียมไอออน ) เป็นต้น
http://www.trueplookpanya.com/true/knowledge_detail.php?mul_content_id=3315&mul_source_id=005061

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น